ความสำคัญของยามเช้าตลอดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ช่วงเช้าเป็นเวลาของวันที่เราตื่นขึ้นมาและเริ่มทำกิจกรรมในแต่ละวัน ถือเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ และมักเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ขึ้นและแสงแรกของรุ่งอรุณ คำว่า "ช่วงเช้า" ยังหมายถึงช่วงเวลาระหว่างช่วงเช้าตรู่ของวันจนถึงช่วงสายๆ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้คนจะตื่นนอน รับประทานอาหารเช้า และเริ่มกิจวัตรประจำวันของตน
แนวคิดเรื่องช่วงเช้ามีมานานนับพันคน หลายปีและมีบทบาทสำคัญในหลายวัฒนธรรมและสังคมตลอดประวัติศาสตร์ ในสมัยโบราณ ยามเช้ามักถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูและการเกิดใหม่ และมีความเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ขึ้นและวงจรชีวิต วันนี้ตอนเช้ายังคงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา และเป็นช่วงเวลาที่หลายๆ คนตื่นขึ้นมา ออกกำลังกาย รับประทานอาหารเช้า และเริ่มต้นกิจวัตรประจำวัน คำว่า "เช้า" มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ "morn, "ซึ่งหมายถึงเวลาก่อนรุ่งสาง เมื่อเวลาผ่านไป คำนี้ได้พัฒนาให้รวมช่วงเวลาระหว่างช่วงเช้าตรู่ของวันจนถึงช่วงเช้าตรู่ ในภาษาอังกฤษยุคใหม่ คำว่า "เช้า" ใช้เพื่ออธิบายช่วงเวลาของวันที่เราตื่นและเริ่มทำกิจกรรมในแต่ละวัน และยังสามารถใช้เพื่ออ้างถึงช่วงเวลาระหว่างช่วงหัวค่ำของวันถึงช่วงดึกของวันอีกด้วย morning.
นอกจากความหมายตามตัวอักษรแล้ว แนวคิดเรื่องตอนเช้ายังถูกนำมาใช้ในสำนวนและคำอุปมาอุปมัยมากมายตลอดประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น วลี "เช้าวันใหม่" มักใช้เพื่ออธิบายการเริ่มต้นใหม่หรือการเริ่มต้นใหม่ ในขณะที่วลี "ผักบุ้ง" ใช้เพื่ออธิบายสิ่งที่สวยงามหรือน่าประทับใจ ในทำนองเดียวกัน วลี “ตื่นพร้อมแสงแดดยามเช้า” ใช้เพื่อบรรยายถึงคนที่ตื่นเช้า และวลี “นอนดึก” ใช้เพื่อบรรยายถึงผู้ที่อยู่บนเตียงจนถึงเช้า โดยรวมแล้ว แนวคิดของ ตอนเช้ามีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมนุษย์ และยังคงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเราในปัจจุบัน ไม่ว่าเราจะตื่นเช้าเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ หรือนอนดึกเพื่อพักผ่อนเพิ่มอีก 2-3 ชั่วโมง ตอนเช้าก็เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้และโอกาสในการเติบโตและต่ออายุ



