ทำความเข้าใจกับความตึงเครียด: ประเภท ผลกระทบ และการวัดผล
แรงดึงคือแรงที่ยืดหรือดึงวัตถุสองชิ้นออกจากกัน เป็นรูปแบบหนึ่งของความเครียดที่เกิดขึ้นเมื่อมีแรงกระทำต่อวัตถุ ทำให้มันเสียรูปหรือเปลี่ยนรูปร่าง แรงดึงอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงแรงโน้มถ่วง แรงเสียดทาน และน้ำหนักของวัตถุ
2 แรงดึงประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง ?
แรงดึงมีหลายประเภท ได้แก่:
* ความตึงแรงดึง : แรงดึงประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อวัตถุถูกยืดหรือดึงออกจากกัน เช่น หนังยางหรือเชือกชิ้นหนึ่ง
* แรงอัด แรงดึง : แรงตึงประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อวัตถุถูกบีบหรือบีบอัด เช่น สปริงหรือฟองน้ำ
* แรงเฉือน: แรงตึงประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อวัตถุสองชิ้นถูกบังคับเข้าหากัน เช่น เมื่อคุณพยายามดันชิ้นส่วนสองชิ้น กระดาษเข้าด้วยกัน
3. ผลกระทบของความตึงเครียด ?ความตึงสามารถมีผลกระทบหลายอย่างต่อวัตถุและวัสดุ รวมถึง:
* การเสียรูป : แรงดึงอาจทำให้วัตถุเปลี่ยนรูปร่างหรือผิดรูป เช่น เมื่อหนังยางยืดออกหรือชิ้นส่วนโลหะโค้งงอ
* การเสริมความแข็งแกร่ง : แรงดึงยังทำให้วัสดุแข็งแรงขึ้นโดยทำให้วัสดุมีความแข็งมากขึ้นและทนทานต่อการเสียรูป
* การแตกหัก: การได้รับแรงตึงเป็นเวลานานอาจทำให้วัสดุแตกหักหรือแตกหักได้ เช่น เมื่อหนังยางหักหรือชิ้นส่วนกระจกแตก .
4. วัดความตึงได้อย่างไร ?
สามารถวัดแรงดึงได้หลายวิธี รวมถึง:
* การทดสอบแรงดึง : ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยืดวัสดุจนแตกหัก และการวัดแรงที่จำเป็นในการทำให้วัสดุแตกหัก
* เกล็ดสปริง : อุปกรณ์เหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่ วัดแรงที่กระทำต่อวัตถุโดยสปริง ซึ่งสามารถใช้วัดแรงดึงได้
* สเตรนเกจ : เป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดการเสียรูปของวัสดุภายใต้แรงตึง เพื่อให้สามารถคำนวณแรงของแรงดึงได้
5 อะไรคือความแตกต่างระหว่างแรงดึงและแรงอัด ?แรงตึงและแรงอัดเป็นความเครียดทั้งสองประเภท แต่มีผลกระทบต่อวัสดุที่แตกต่างกัน แรงดึงทำให้วัสดุยืดหรือดึงออกจากกัน ในขณะที่แรงอัดทำให้วัสดุอัดหรือหดตัว นอกจากนี้ แรงดึงมักจะสัมพันธ์กับแรงที่กระทำบนแกนเดียว ในขณะที่แรงอัดนั้นสัมพันธ์กับแรงที่กระทำบนแกนหลายแกน



