ทำความเข้าใจเทคโนโลยี LIDAR และการใช้งาน
LIDAR (Light Detection and Ranging) เป็นเทคโนโลยีการรับรู้ระยะไกลที่ใช้แสงเลเซอร์ในการวัดระยะทางและสร้างแบบจำลอง 3 มิติที่มีความละเอียดสูงของสภาพแวดล้อม คล้ายกับเรดาร์ แต่ใช้แสงเลเซอร์แทนคลื่นวิทยุ
LIDAR ทำงานโดยการปล่อยลำแสงเลเซอร์และวัดเวลาที่ลำแสงจะสะท้อนกลับจากวัตถุในสิ่งแวดล้อม ด้วยการวิเคราะห์การหน่วงเวลาระหว่างลำแสงที่ปล่อยออกมาและลำแสงที่ส่งคืน ระบบ LIDAR สามารถกำหนดระยะห่างจากวัตถุในสภาพแวดล้อมได้อย่างแม่นยำสูง จากนั้นข้อมูลนี้จะถูกใช้เพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติโดยละเอียดของสภาพแวดล้อม ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การสำรวจ การทำแผนที่ และยานพาหนะอัตโนมัติ
มีเทคโนโลยี LIDAR หลายประเภทให้เลือกใช้ รวมถึง:
1 LIDAR ในอากาศ: LIDAR ประเภทนี้ติดตั้งบนเครื่องบินและใช้ในการสำรวจพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ป่า เมือง และโครงสร้างพื้นฐาน
2 LIDAR ภาคพื้นดิน: LIDAR ประเภทนี้ติดตั้งอยู่บนขาตั้งหรืออุปกรณ์รักษาเสถียรภาพอื่นๆ และใช้ในการสำรวจพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น อาคาร สะพาน และโครงสร้างอื่นๆ
3 LIDAR แบบเคลื่อนที่: LIDAR ประเภทนี้ติดตั้งอยู่บนยานพาหนะและใช้ในการสำรวจถนน ทางหลวง และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
4 LIDAR ที่ใช้ UAV: LIDAR ประเภทนี้ติดตั้งบนโดรนหรือยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับ (UAV) อื่นๆ และใช้ในการสำรวจพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น สถานที่ก่อสร้าง พื้นที่การเกษตร และพื้นที่อื่นๆ ที่เข้าถึงได้ยาก เทคโนโลยี LIDAR มีมากมาย การใช้งานในด้านต่างๆ เช่น:
1. การสำรวจ: LIDAR สามารถใช้เพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติโดยละเอียดของสภาพแวดล้อม ซึ่งสามารถใช้เพื่อวางแผนและจัดการโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน และอาคาร
2 การทำแผนที่: LIDAR สามารถใช้เพื่อสร้างแผนที่โดยละเอียดของสภาพแวดล้อม ซึ่งสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น การวางผังเมือง การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม และการตอบสนองต่อภัยพิบัติ
3 ยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ: LIDAR เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เนื่องจากช่วยให้ยานพาหนะตรวจจับและนำทางสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วยความแม่นยำสูง
4 ป่าไม้: LIDAR สามารถใช้วัดความสูงและเส้นผ่านศูนย์กลางของต้นไม้ ซึ่งสามารถใช้เพื่อประมาณปริมาตรไม้ในป่าได้
5 เกษตรกรรม: LIDAR สามารถใช้วัดความสูงและความหนาแน่นของพืชผล ซึ่งสามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชลประทานและการปฏิสนธิ6. การสร้างแบบจำลองทางสถาปัตยกรรม: LIDAR สามารถใช้เพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติโดยละเอียดของอาคารและโครงสร้างอื่น ๆ ซึ่งสามารถใช้สำหรับการวางแผนและการออกแบบทางสถาปัตยกรรม
7 การตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม: LIDAR สามารถใช้ในการตรวจสอบสภาพแวดล้อมและตรวจจับการเปลี่ยนแปลง เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การกัดเซาะ และมลภาวะ
8 การตอบสนองต่อภัยพิบัติ: LIDAR สามารถใช้เพื่อประเมินความเสียหายหลังภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม พายุเฮอริเคน หรือแผ่นดินไหว 9. มรดกทางวัฒนธรรม: LIDAR สามารถใช้เพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติโดยละเอียดของสถานที่ทางประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการอนุรักษ์และบูรณะได้10 ธรณีวิทยา: LIDAR สามารถใช้ในการวัดภูมิประเทศของพื้นผิวโลก ซึ่งสามารถใช้เพื่อทำความเข้าใจกระบวนการทางธรณีวิทยา เช่น การแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลก และปฏิกิริยาของภูเขาไฟ



