ข้อเสียของการใช้โพลีสไตรีนและทางเลือกอื่นสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
โพลีสไตรีนเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ในวัสดุบรรจุภัณฑ์ เช่น ถ้วย จาน และภาชนะ เป็นวัสดุน้ำหนักเบา ราคาไม่แพง สามารถขึ้นรูปเป็นรูปทรงและขนาดต่างๆ ได้ง่าย อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้และอาจใช้เวลาหลายร้อยปีในการย่อยสลาย ซึ่งนำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
2 การใช้โพลีสไตรีนมีข้อเสียอะไรบ้าง ?
a ข้อเสียเปรียบหลักของการใช้โพลีสไตรีนคือ:
a) ไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ: โพลีสไตรีนไม่สลายตัวตามธรรมชาติและสามารถคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้หลายร้อยปี ก่อให้เกิดมลพิษและของเสีย
b) เป็นอันตรายต่อสัตว์ป่า : โพลีสไตรีนสามารถถูกสัตว์กินเข้าไปได้ ซึ่งอาจเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร และอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
c) รีไซเคิลได้ยาก: โพลิสไตรีนไม่สามารถรีไซเคิลได้ง่าย ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์โพลีสไตรีนส่วนใหญ่จะไปฝังกลบหรือในมหาสมุทร
d) มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: การผลิตโพลิสไตรีนจำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
e) สามารถชะล้างสารเคมีได้: โพลิสไตรีนสามารถชะสารเคมีเข้าไปในอาหารและน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์
3 . ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการใช้โพลีสไตรีนมีอะไรบ้าง ?
มีทางเลือกมากมายนอกเหนือจากการใช้โพลีสไตรีน รวมถึง:
a) วัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ: การใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น กระดาษหรือพลาสติกจากพืช สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของบรรจุภัณฑ์ได้
b) วัสดุรีไซเคิล: การใช้ วัสดุรีไซเคิลสามารถช่วยลดของเสียและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
c) วัสดุที่ย่อยสลายได้: วัสดุที่ย่อยสลายได้ เช่น แป้งข้าวโพดหรืออ้อย สามารถสลายตัวตามธรรมชาติในสิ่งแวดล้อมและไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ
d) ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ซ้ำได้: ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ เช่นขวดน้ำสแตนเลสหรือถุงผ้าสามารถลดความจำเป็นในการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้แล้วทิ้งได้) การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่: การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ใช้วัสดุน้อยลงหรือรีไซเคิลได้ง่ายขึ้นยังช่วยลดของเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย



