ทำความเข้าใจการทำฟาร์มไบโอไดนามิก: แนวทางแบบองค์รวมเพื่อเกษตรอินทรีย์
Biodynamics เป็นแนวทางแบบองค์รวมในการทำเกษตรอินทรีย์ที่พัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษปี ค.ศ. 1920 โดย Rudolf Steiner โดยเน้นการใช้การเตรียมการตามธรรมชาติและพลังจักรวาลเพื่อส่งเสริมสุขภาพของดิน การเจริญเติบโตของพืช และสวัสดิภาพสัตว์ เกษตรกรไบโอไดนามิกมองว่าที่ดินของตนเป็นสิ่งมีชีวิตและมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศที่สมดุลที่สามารถดำรงชีวิตได้ด้วยตนเองและเต็มไปด้วยชีวิต
แนวทางปฏิบัติหลักบางประการที่ใช้ในการทำฟาร์มไบโอไดนามิก ได้แก่:
1 เตรียม 500: นี่คือปุ๋ยหมักพิเศษที่ทำจากมูลวัว ซิลิกา และส่วนผสมอื่นๆ ที่เชื่อกันว่าช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช
2 การเตรียมการ 501: เป็นสารละลายที่ทำจากควอตซ์บดและน้ำที่ฉีดพ่นบนดินเพื่อเพิ่มความสามารถในการดูดซับสารอาหาร
3 การหว่านในจักรวาล: สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการเพาะเมล็ดในเวลาที่กำหนดตามตำแหน่งของดวงดาวและดาวเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเติบโตและผลผลิต
4 การใช้พืชคลุมดิน: เกษตรกรไบโอไดนามิกมักใช้พืชคลุมดินเพื่อปรับปรุงสุขภาพของดิน กำจัดวัชพืช และดึงดูดแมลงที่เป็นประโยชน์
5 การบูรณาการสัตว์: ฟาร์มชีวพลศาสตร์หลายแห่งนำสัตว์มาใช้ในการปฏิบัติการ เช่น วัว แกะ หรือไก่ เพื่อจัดหาปุ๋ยให้กับทุ่งนาและรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน
6 เน้นความหลากหลายทางชีวภาพ: เกษตรกรไบโอไดนามิกมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงพืช สัตว์ และแมลงหลากหลายชนิด
7 การใช้วิธีการควบคุมสัตว์รบกวนตามธรรมชาติ: แทนที่จะใช้ยาฆ่าแมลงที่เป็นสารเคมี เกษตรกรชีวพลศาสตร์อาจใช้วิธีการธรรมชาติ เช่น การแนะนำแมลงที่เป็นประโยชน์หรือการฉีดพ่นชาสมุนไพรเพื่อควบคุมสัตว์รบกวน
8 การทำปุ๋ยหมัก: เกษตรกรชีวพลศาสตร์มักจะหมักของเสียจากพืชผลและมูลสัตว์เพื่อสร้างการปรับปรุงดินที่อุดมด้วยสารอาหาร
9 การใช้พืชยืนต้น: เกษตรกรไบโอไดนามิกอาจปลูกพืชยืนต้น เช่น ไม้ผล ผลเบอร์รี่ หรือหน่อไม้ฝรั่ง เพื่อส่งเสริมสุขภาพของดินและความหลากหลายทางชีวภาพ 10 เน้นหลักการทางจิตวิญญาณ: Biodynamics มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเชื่อมโยงถึงกันและฟาร์มก็คือสิ่งมีชีวิต แนวทางนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของหลักการทางจิตวิญญาณในการทำการเกษตร เช่น การเคารพธรรมชาติ และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของระบบนิเวศทั้งหมด



