ทำความเข้าใจความผันแปรในภาษา
ในภาษาศาสตร์ การผันคำหมายถึงวิธีการแก้ไขคำเพื่อระบุข้อมูลทางไวยากรณ์ เช่น กาล กรณี เพศ ตัวเลข และอารมณ์ สัณฐานวิทยาของการผันคำคือการศึกษาการผันคำเหล่านี้และวิธีการใช้ในการถ่ายทอดความหมาย ความผันแปรเป็นคำที่ใช้อธิบายระดับที่ภาษาใช้สัณฐานวิทยาของการผันคำเพื่อแสดงข้อมูลทางไวยากรณ์ ภาษาสามารถจำแนกได้เป็นแบบผันคำสูงหรือแบบอ่อนขึ้นอยู่กับขอบเขตที่ใช้สัณฐานวิทยาผันคำ ภาษาที่มีการผันคำสูง เช่น ละตินและอารบิก มีคำต่อท้ายผันคำจำนวนมากที่เพิ่มเข้าไปในคำเพื่อระบุข้อมูลทางไวยากรณ์ ตัวอย่างเช่น ในภาษาละติน คำว่า "amare" (รัก) สามารถผันเพื่อบ่งบอกถึงประธาน (ฉันรัก) วัตถุ (คุณรัก) หรือกริยากาล (ฉันรัก)
ภาษาที่ผันกลับไม่ชัดเจน เช่น ภาษาอังกฤษ และภาษาสวีเดน มักใช้สัณฐานวิทยาแบบผันคำไม่บ่อยนัก และแทนที่จะใช้ลำดับคำและฟังก์ชันในการถ่ายทอดข้อมูลทางไวยากรณ์แทน ตัวอย่างเช่น ในภาษาอังกฤษ คำว่า "รัก" ไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบเพื่อบ่งบอกถึงหัวเรื่องหรือวัตถุ แต่ใช้บริบทและลำดับคำเพื่อระบุข้อมูลนี้
โดยรวมแล้ว ความผันแปรเป็นตัววัดว่าภาษาต้องพึ่งพามากเพียงใด สัณฐานวิทยาของการผันคำเพื่อแสดงข้อมูลทางไวยากรณ์ โดยภาษาที่มีการผันคำสูงโดยใช้คำต่อท้ายการผันคำมากกว่า และภาษาที่มีการผันคำเล็กน้อยโดยใช้คำต่อท้ายการผันคำน้อยหรือไม่มีเลย



