อำนาจและอำนาจของการเป็นจักรพรรดิ์ในกรุงโรมโบราณ
Imperatorship เป็นคำที่ใช้ในกรุงโรมโบราณเพื่ออธิบายอำนาจและอำนาจของผู้บัญชาการทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสนามรบ คำว่า "ผู้จักรพรรดิ" นั้นมาจากคำภาษาละตินที่แปลว่า "ผู้บังคับบัญชา" และมักใช้เป็นคำนำหน้าชื่อนายพลที่ได้รับอำนาจพิเศษจากวุฒิสภาหรือประชาชนแห่งโรมัน ในทางปฏิบัติ การเป็นผู้จักรพรรดิหมายความว่านายพลมีอำนาจ เพื่อสั่งการกองทัพ ตัดสินใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ทางทหาร และแม้แต่ปกครองจังหวัดหรือดินแดนที่โรมยึดครอง ผู้จักรพรรดิถูกมองว่าเป็นผู้นำที่ได้รับเลือกจากเหล่าทวยเทพให้นำกองทัพโรมันไปสู่ชัยชนะ และคำพูดของเขาคือกฎเกณฑ์ในสนามรบ แนวคิดเรื่องการเป็นจักรพรรดิมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับแนวคิดเรื่อง "จักรวรรดิ" หรืออำนาจ และอำนาจที่รัฐมอบให้นายพลชาวโรมัน จักรวรรดิให้สิทธินายพลในการบังคับบัญชากองทหาร ตัดสินใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ทางทหาร และปกครองดินแดนที่โรมยึดครองได้ ในทางปฏิบัติ จักรวรรดิมักถูกใช้เป็นวิธีหนึ่งสำหรับรัฐบาลโรมันในการควบคุมดินแดนของตนโดยไม่ต้องเข้ายึดครองพื้นที่เหล่านั้น แนวคิดเรื่องการเป็นจักรพรรดิ์มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของกรุงโรมโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยโรมัน สาธารณรัฐ (509-27 ปีก่อนคริสตกาล) ในช่วงเวลานี้ นายพลที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น จูเลียส ซีซาร์ และปอมเปย์มหาราช ได้รับอำนาจและอิทธิพลอันยิ่งใหญ่จากความสำเร็จในสนามรบ และได้รับตำแหน่งจักรพรรดิ์จากวุฒิสภาโรมันหรือประชาชน อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องการเป็นจักรพรรดิไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสมัยพรรครีพับลิกัน และยังคงใช้กันทั่วทั้งจักรวรรดิโรมัน (27 ปีก่อนคริสตกาล-ค.ศ. 476) เช่นกัน



